โบท็อกซ์ลดกราม ปรับโครงหน้าเรียวสวยให้เข้ารูป

ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม คืออะไร

โบท็อกซ์กราม คือ การฉีดสารโบทูลินั่มท็อกซิน (Botulinum Toxin) สารสกัดมาจากแบคทีเรีย เข้าไปบริเวณกราม โดยสารเหล่านี้จะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณกราม ส่งผลให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง ฉะนั้นการฉีดโบท๊อกลดกราม จึงช่วยให้กรามดูสมส่วนมากขึ้น โครงหน้าดูเรียวสวย ไม่เหลี่ยมแข็ง จนทำให้หลายคนเรียกกันจนติดปากว่า “โบท็อกซ์หน้าเรียว” เพราะทำให้ใบหน้าเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดเจน นอกเหนือจากนี้ โบท็อกยังสามารถใช้ในการลิฟท์กรอบหน้า ลดปีกจมูก ฉีดลดเหงื่อ กระชับโหนกแก้ม ช่วยลดเลือนริ้วรอย ตีนกา และรอยเหี่ยวย่นได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็วอีกด้วย

หน้าไม่เรียว หน้าใหญ่ เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง

ปัญหาหน้าไม่เรียว หน้าใหญ่เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ได้แก่…

1. อายุ – อายุที่มากขึ้นเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อย ไม่เรียบตึงกระชับ ผิวเหี่ยวย่น และย้วยออกมาจนทำให้โครงหน้าดูไม่เรียวสวยเหมือนแต่ก่อน ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนทุกเพศ โดยจะเริ่มมีสัญญาณเตือนการเปลี่ยนแปลงของผิวที่ชัดเจน เมื่ออายุ 25 – 30 ปีขึ้นไป ซึ่งแต่ละคนอาจจะเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต และสภาพผิว
2. ไขมัน – การมีไขมันสะสมบริเวณแก้มและใบหน้าส่วนต่างๆเยอะ เป็นสาเหตุที่ทำให้โครงหน้าหรือรูปหน้าไม่เรียวสวย นอกเหนือจากนี้ การสะสมของไขมันก็สามารถเกิดขึ้นได้กับบริเวณอื่นๆอีกด้วย เช่น คางและลำคอ ซึ่งอาจจะตามมาด้วยปัญหาคางย้อย และคอสองชั้นนั่นเอง
3. กล้ามเนื้อ – การมีกล้ามเนื้อ หรือกรามขนาดใหญ่ทำให้ใบหน้าไม่เรียว เป็นเหลี่ยมมุม หรือหน้าบาน อาจเกิดได้จากการใช้กล้ามเนื้อในบริเวณกรามมากจนเกินไป เช่น การเคี้ยวหมากฝรั่ง หรือ เคี้ยวอาหารที่แข็งและเหนียว เช่น ปลาหมึก เนื้อสัตว์ เป็นต้น 
4. กระดูก – กระดูกโหนกแก้มสูง หรือกระดูกกรามใหญ่เป็นปัญหาที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด ซึ่งเกิดจากพันธุกรรมที่ส่งต่อกันมา โดยสามารถเช็กได้ง่ายๆด้วยตัวเอง เพียงกัดฟัน หากกรามขยับออกเเละมีความเเข็ง แปลว่า กรามใหญ่จากกระดูก 

นอกเหนือจากโบท็อกซ์ 2 ยี่ห้อที่หมอป๊อบแนะนำ ก็ยังมีโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่นๆ ที่มีความสามารถในการลดขนาดกรามได้เช่นกัน ได้แก่…

Dysport โบท็อกซ์อังกฤษ เห็นผลรวดเร็ว โดยเฉพาะการใช้ในการ lifting หรือการทำ dermolift ทำให้หน้ากระชับแบบเร่งด่วน

Xeomin โบท็อกซ์เยอรมัน –  โบท็อกซ์ยี่ห้อนี้สามารถลดอาการดื้อยาในระยะยาว เพราะมีความบริสุทธ์สูง

AESTOX โบท็อกซ์เกาหลี – โบท็อกซ์ตัวใหม่ล่าสุดที่พึ่งผ่านการรับรองจาก อย. ไทยได้เพียงไม่นาน ฉีดแล้วมีความเป็นธรรมชาติสูง หน้าดูไม่ตึงแข็ง

NABOTA โบท็อกซ์เกาหลี – จุดเด่นคือเห็นผลรวดเร็วมาก และมีความบริสุทธิ์ของ Botulinum Toxin Type A มากถึง 98.7%  และยังเป็นแบรนด์เดียวของเกาหลี ที่ได้รับ  USFDA อีกด้วย

ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามเจ็บไหม

สำหรับคนที่กลัวเข็ม กลัวเจ็บ แต่ก็ยังอยากสวยเป๊ะ บอกได้เลยว่าการฉีดโบท๊อกลดกรามตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้อย่างดี และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายๆคิดอีกด้วย เพราะก่อนฉีดโบท็อกกรามจะมีการประคบน้ำแข็ง หรือ ทายาชา อีกทั้งเข็มที่ใช้ฉีดโบท็อกซ์ก็เป็นเข็มขนาดเล็ก เท่านั้น รวมถึงที่ Ve’anna Clinic คุณหมอป๊อบมือเบา และใช้เทคนิคพิเศษในการฉีด จึงสามารถใช้ตัวยาในปริมาณที่เหมาะสม แต่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน

โบท็อกซ์ลดกรามฉีดได้บ่อยแค่ไหน

หลังฉีดโบท๊อกลดกรามไปแล้วจะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก แต่ถ้าหากหมดฤทธิ์ยาแล้ว กรามเริ่มกลับมา ก็สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้เรื่อยๆ แต่ควรเว้นระยะที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ โดยปกติแล้วจะคงผลลัพธ์อยู่ได้ 6-8 เดือน หากไม่ได้กลับมาฉีดซ้ำ ใบหน้าที่เรียวก็อาจจะกลับมาใหญ่อีกครั้ง แต่เล็กกว่าก่อนฉีดครั้งแรก

ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามต้องใช้กี่ยูนิต

หากต้องการให้โบท็อกช่วยเก็บกรอบหน้าให้ชัดเจน ใบหน้าเรียวเล็กลง ซึ่งควรฉีดโบท็อกกรามข้างละประมาณ 25-40 Unit หากมากกว่านี้แก้มจะตอบ ดูอิดโรย ไม่สดใส และยิ้มไม่สุดได้ ซึ่งปริมาณการฉีดควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้วิเคราะห์รูปหน้า ทำการวางแผนกำหนดจำนวนยูนิตก่อนการเข้ารับการรักษา

อันตรายจากการฉีดโบท็อกซ์ไม่ได้มาตรฐาน

การฉีดโบท็อกซ์ช่วยแก้ปัญหาได้หลากหลายก็จริง แต่ถ้าฉีดโบท็อกซ์ที่ไม่ได้มาตรฐานเข้าสู่ร่างกาย ก็อาจจะส่งผลเสียและเป็นอันตรายได้เช่นกัน โดยสิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ ได้แก่…

1. กระจายตัวของโบท็อกซ์ไปยังส่วนอื่นๆที่คนไข้ไม่ได้ต้องการรักษา จนอาจตามมาซึ่งปัญหากล้ามเนื้อส่วนนั้นๆเป็นอัมพาตชั่วคราวได้ เช่น หากกระจายตัวไปยังหนังตา ก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาหนังตาตก หากกระจายตัวไปยังปาก ก็อาจทำให้เกิดปัญหาปากเบี้ยวชั่วคราวตามมาได้นั่นเอง ซึ่งโดยปกติแล้วโมเลกุลของโบท็อกซ์จะใหญ่ ทำให้เมื่อฉีดตัวยาเข้าไปในผิวแล้ว จะอยู่เฉพาะบริเวณนั้นๆ ไม่มีการกระจายตัวไปยังส่วนอื่นที่ไม่ต้องการ ทั้งนี้การฉีดโบท็อกซ์ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงเท่านั้นถึงจะปลอดภัยที่สุด

2. การฉีดโบท็อกซ์ปลอมเข้าสู่ร่างกาย ส่งผลเสียหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการออกฤทธิ์ที่น้อยกว่าโบท็อกซ์แท้ จึงทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ไม่ชัดเจน แสดงผลได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ และอาจจะมีอาการดื้อยาตลอดชีวิตเกิดขึ้นได้อีกด้วย ดังนั้น ก่อนฉีดโบท็อกซ์กราม คนไข้ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าโบท็อกซ์ที่จะฉีดเข้าร่างกายเป็นโบท็อกซ์แท้ และควรเลือกโบท็อกซ์ที่เหมาะกับการฉีดกรามอย่างยี่ห้อ Allergan และBotulax เพื่อให้ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการอย่างแท้จริง

โบท็อกซ์ของแท้ต้องเช็กอะไรบ้าง?

ยี่ห้อ Allergan – โบท็อกซ์จากอเมริกา

กล่องบรรจุ Allergan 100 units ตัวกล่องจะเป็นสีขาว-ม่วง ในขณะที่ Allergan 50 units จะเป็นสีขาว-แดง

โดยตัวกล่องต้องมีสติ๊กเกอร์ใสปิดฝากล่องด้านนอก เพื่อป้องกันการเปิด ฝากล่องด้านล่างจะต้องมีเลข Lot. ที่ตรงกับ เลข Lot. ของขวดโบท็อกซ์ด้านใน รวมถึงมี วัน/เดือน/ปี ที่ผลิต และวันหมดอายุ ข้างขวดจะมีโฮโลแกรมคำว่า ‘Allergan’ ติดอยู่ โดยสามารถโทรตรวจสอบเลข Lot. ได้จากบริษัทผู้นำเข้า Allergan Thailand (DKSH) โทร. 02-640-4999 ต่อ 1 หรือเว็บไซต์ www.thailandbeautydecoded.com

เมื่อเปิดกล่องเข้าไปด้านใน จะต้องมีเอกสารกำกับภาษาไทย และเลขทะเบียนอย. โดยบริเวณฝาขวดต้องมีฝาพลาสติกปิดอยู่ 1 ชั้น และด้านในขวดต้องไม่มีน้ำ แต่จะเป็นตัวยาสีขาวขุ่นเคลือบอยู่ที่ก้นขวด โดยก่อนเริ่มฉีด แพทย์จะใส่น้ำเกลือ แล้วดูดตัวยาออกมา

ยี่ห้อ Botulax – โบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี

กล่องบรรจุ Botulax 100 units ตัวกล่องจะเป็นสีขาว-น้ำเงิน ส่วน Botulax 200 units กล่องจะเป็นสีขาว-ส้ม หน้ากล่องจะต้องมีสติ๊กเกอร์โฮโลแกรม พร้อม QR Code ที่สามารถสแกนตรวจสอบได้ บริเวณฝากล่องด้านล่างจะต้องมีเลข Lot. ที่ตรงกับ เลข Lot. ของขวดโบท็อกซ์ด้านใน รวมถึงมี วัน/เดือน/ปี ที่ผลิต และวันหมดอายุ

เมื่อเปิดกล่อง ด้านในจะต้องมีขวดโบท็อกซ์ พร้อมเอกสารกำกับภาษาไทยและเลขทะเบียนอย. ข้างขวดโบท็อกซ์จะต้องมีสติ๊กเกอร์โฮโลแกรม Cosma Medical และที่ฝาขวดโบท็อกซ์จะมีฝาพลาสติกสีขาวขุ่นปิดอยู่ 1 ชั้น โดยด้านในขวดจะต้องไม่มีน้ำ แต่จะเป็นตัวยาสีขาวขุ่นเคลือบอยู่ที่ก้นขวด เมื่อเริ่มใช้ต้องใส่น้ำเกลือ แล้วดูดตัวยาออกมา

หากไม่แน่ใจว่าเป็นโบท็อกซ์ Botulax ของแท้หรือไม่ สามารถตรวจสอบชื่อคลินิกที่ใช้ Botulax ของแท้ ได้จากบริษัทผู้นำเข้าทางเว็บไซต์ clinicsearch.cosmamedical.co.th/

การเตรียมตัวก่อนการฉีดโบท๊อกลดกราม

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกกราม 

• • หลังฉีดโบท็อกซ์ควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง
  • หลังฉีดโบท็อกซ์ 6-8 ชั่วโมง งดนอนราบ จับ กด คลำ บีบ บริเวณที่ฉีดโบท็อกเข้าไป เพราะอาจจะทำให้โบท็อกซ์เคลื่อนที่ไปยังบริเวณที่เราไม่ต้องการได้
  • ถ้าเกิดอาการบวมแดงหลังฉีด สามารถใช้น้ำแข็งประคบเพื่อเมื่อบรรเทาอาการลงได้ ซึ่งอาการบวมแดงนี้ไม่เป็นอันตราย และสามารถหายเองได้ภายใน 1-2 วัน
  • หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น การทำเลเซอร์ร้อน การเข้าซาวน่า 2 อาทิตย์
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ
  • งดสูบบุหรี่

ราคาโบท็อกซ์ลดกรามที่ Ve’anna Clinic 

ฉีดโบท๊อกลดกราม ราคา 4,900 บาทต่อบริเวณ โดยสามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอที่ Ve’anna Clinic ก่อนทำได้ฟรี!

ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามที่ไหนดี? Ve’anna Clinic มีคำตอบ

หากต้องการสวยอย่างปลอดภัย แนะนำให้เลือกคลินิกที่เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง มีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก ที่สำคัญควรฉีดโบท็อกซ์กับแพทย์จริงที่มีใบประกอบโรคศิลป์และมีประสบการณ์ในการฉีดโบท็อกซ์ปรับรูปหน้ามาก่อน นอกเหนือจากนี้ ควรตรวจสอบว่าโบท็อกซ์เป็นของแท้หรือไม่ เช่น แพทย์แกะกล่อง ผสมน้ำเกลือ ดูดยาให้ดูต่อหน้า และสามารถขอกล่องมาตรวจสอบกับบริษัทนำเข้าได้จริง

ที่ Ve’anna Clinic เราพร้อมที่จะให้คำแนะนำ และปรึกษาปัญหาของกรามก่อนที่จะฉีดฟรี โดยทางคลินิกจะเลือกใช้โบท็อกซ์ของแท้ที่ผ่าน อย. แล้วเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ที่สำคัญคุณหมอมือเบามาก ไม่เจ็บ และไม่มีผลข้างเคียงหลังฉีด สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ อีกทั้งยังมีการติดตามผลหลังทำ และแนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์อย่างละเอียด สามารถขอรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงก่อนตัดสินใจได้

สนใจสอบถามข้อมูล หรือขอดูภาพรีวิวเพิ่มเติม สามารถติดต่อ Ve’anna Clinic ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Facebook, Instagram และ LINE OA หรือโทร. 064-696-9693

รีวิว โบท็อกซ์ลดกรามที่ Ve’anna Clinic