ฟิลเลอร์คาง ปรับรูปหน้า เติมเต็มคางให้สวยเป๊ะ
ฟิลเลอร์คางคืออะไร
ฟิลเลอร์คาง คือ การฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือ HA บริเวณคาง เพื่อเพิ่มความยาวคาง และปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วน ให้หน้าเรียวเข้ารูปมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์คาง มักเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้ามากขึ้น เพราะปลอดภัย มีความเป็นธรรมชาติ สะดวกรวดเร็ว และไม่ต้องพักฟื้น โดยระยะเวลาการแสดงผลของฟิลเลอร์คาง จะอยู่ที่ 1-2 ปี และจะสลายไปเอง 100% ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย ซึ่งหากใครต้องการฉีดเพิ่ม ก็สามารถทำได้เรื่อยๆโดยไม่มีอันตราย
ฟิลเลอร์คาง สามารถแก้ปัญหารูปคางได้หลากหลายรูบแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ฟิลเลอร์คางเพื่อแก้ปัญหาคางสั้น สำหรับคนที่มีคางสั้น หรือคางตัดเล็กน้อย จนทำให้ภาพรวมใบหน้าดูกลม ซึ่งฟิลเลอร์คางจะช่วยปรับรูปหน้าให้เรียว วีเชฟมากขึ้นได้ นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาคางไม่เท่ากัน คางบุ๋ม หรือปรับโหงวเฮ้งคาง เพื่อเรียกโชค เรียกทรัพย์ตามความเชื่อ และความชอบของแต่ละคน
การฉีดฟิลเลอร์คาง VS การเสริมคาง
การเลือกฉีดฟิลเลอร์คาง หรือการเสริมคางไปเลยนั้น ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับปัญหาของรูปคาง และความต้องการของคนไข้ เช่น กรณีที่คางตัด หรือคางสั้นมากๆ จะแนะนำให้เสริมคางไปเลย จะช่วยแก้ปัญหาได้มากกว่า เพราะการฉีดฟิลเลอร์คางลงในชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูก และด้วยตัวฟิลเลอร์ที่มีลักษณะเป็นเนื้อเจล จะไม่สามารถทำให้คางยาวขึ้นได้มากเกิน 1 เซ็นติเมตร และถ้าฝืนเติมไปเกินพอดี อาจทำให้ฟิลเลอร์เป็นก้อน คางไม่สวยหรือผิดรูปได้ หรือในกรณีที่เสริมคางด้วยซิลิโคนที่มีขาสั้น ทำให้ซิลิโคนที่เสริมไป ไม่สามารถรับกับแนวกรามได้อย่างพอดี จึงทำให้เกิดร่องมุมปากขึ้น ส่งผลให้แก้มดูห้อย ซึ่งถึงแม้เสริมแล้วคางจะยาวขึ้น แต่ก็ไม่สามารถทำให้โครงหน้าดูเรียวสวยอย่างเป็นธรรมชาติ จนต้องแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์คางแทน ทั้งนี้จะเลือกฟิลเลอร์คางหรือเสริมคางด้วยซิลิโคน ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตรงตามความต้องการ และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง นอกเหนือจากนี้ ก็ต้องคำนึงถึงระยะเวลาแสดงผลด้วย ว่าคนไข้อยากให้อยู่ถาวร หรือ แค่ชั่วคราว
ฟิลเลอร์คางเหมาะกับใคร
-
- คนที่คางสั้นเล็กน้อย คางตัด หน้ากลม
- คนที่คางไม่เท่ากัน คางบุ๋ม
- คนที่ ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียว
- คนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูมีมิติขึ้น
- คนที่ไม่อยากผ่าตัดเสริมคาง ไม่อยากมีแผล และไม่มีเวลาพักฟื้น
ฉีดฟิลเลอร์คางใช้กี่ซีซี
โดยปกติแล้วปริมาณการใช้ฟิลเลอร์คางนั้นจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ และยี่ห้อของฟิลเลอร์ด้วย เพราะฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นก็จะมีขนาดโมเลกุลที่ไม่เท่ากัน ซึ่งส่วนใหญ่ปริมาณที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 1-3 cc ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปคางให้ดูมีมิติ หน้าเรียวสวยได้แล้ว
ยี่ห้อสำหรับการฉีดฟิลเลอร์คางที่คุณหมอเลือกใช้
สำหรับฟิลเลอร์คางที่หมอป๊อปแนะนำคือแบรนด์ Juvederm ฟิลเลอร์แบรนด์อเมริกาที่ได้รับความนิยมสูง เพราะมีมาตรฐานคุณภาพสูง โดยจุดเด่นของฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้คือมีส่วนผสมของ LIDOCAINE ซึ่งเป็นยาชาชนิดหนึ่งที่นอกจากจะช่วยลดความเจ็บแล้วยังช่วยให้ความรู้สึกผ่อนคลายขณะฉีดอีกด้วย โดยจะมี 3 รุ่น ด้วยกันที่เหมาะสำหรับนำมาฉีดฟิลเลอร์คาง ได้แก่
- Juvederm Ultra Plus มีลักษณะเคล้ายเจล มีความแน่นสูง นิยมใช้ปรับบริเวณที่ต้องการความอิ่มฟูเยอะๆ เช่น ขมับ แก้มตอบ ร่องแก้ม คาง
- Juvederm Voluma เป็นรุ่นที่มีลักษณะเนื้อแข็งและฟูปานกลาง มีโมเลกุลขนาดใหญ่ จึงมีความยืดหยุ่นสูง ปั้นง่าย ทำให้ปรับรูปหน้าได้สวย ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับการแก้ไขใต้ตา ร่องแก้ม และยังสามารถใช้เติมคางและขมับหรือส่วนอื่นได้ตามเทคนิคของแพทย์ หลังฉีดสามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน
- Juvederm Volux เป็นรุ่นที่มีการพัฒนาออกมาล่าสุด เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีโมเลกุลขนาดใหญ่ จึงมีความยืดหยุ่นสูง ปั้นทรงสวย และคงรูปได้ดีที่สุด จึงเหมาะสำหรับฉีดคาง ใต้ตา ขมับ และร่องแก้มชั้นลึก อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง
- ใช้เวลาไม่นาน สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีดเสร็จ ไม่มีรอยแผล และไม่ต้องพักฟื้นให้เสียเวลา
- มีความปลอดภัยสูง เพราะฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) สามารถสลายตัวได้เอง ไม่ตกค้างในร่างกาย
- หากต้องการเอาฟิลเลอร์คางออก สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์เดิม และฉีดปรับแต่งทรงใหม่ได้เลย
- การฉีดฟิลเลอร์คางให้ผลลัพธ์ที่มีความละมุน และเป็นธรรมชาติมาก เพราะสามารถฉีดฟิลเลอร์คางบริการกรอบหน้าช่วงล่างเพิ่มเติมได้ เพื่อให้คางรับกับกรอบหน้า มีความสมส่วนมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าเรียวสวย และเป็น V-shape ดูมีมิติ สามารถปรับการฉีดให้เหมาะกับรูปหน้า และความต้องการในช่วงนั้นๆ ได้ง่ายกว่าการเสริมคาง
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์คาง
-
- ฟิลเลอร์จะอยู่ได้ 12-18 เดือน จากนั้นจะสลายไปเองตามธรรมชาติ ทำให้รูปหน้ากลับสู่ปกติ ไม่ถาวรเหมือนการผ่าตัดศัลยกรรม
- หากฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือฟิลเลอร์ปลอม จะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น ติดเชื้อ เกิดพังผืดใต้ผิว หรือฟิลเลอร์กองเป็นก้อนทำให้คางผิดรูป
ฉีดฟิลเลอร์คางอยู่ได้นานแค่ไหน
โดยทั่วไปจะสามารถคงผลลัพธ์ฟิลเลอร์คางอยู่ได้ 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อด้วย หลังจากนั้นจะสลายไปตามธรรมชาติ และสามารถเข้ามาเติมใหม่เพื่อคงรูปคางไว้ได้
หากหยุดฉีดฟิลเลอร์คางจะเป็นอย่างไร
ฟิลเลอร์คางส่วนใหญ่จะเป็นการฉีดที่อยู่ได้แบบชั่วคราว ฉะนั้นเมื่อฉีดไปแล้วฟิลเลอร์จะค่อยๆ สลายไปเองตามธรรมชาติ ถ้าหยุดฉีดคางก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ถ้าหากอยากรักษาผลลัพธ์เอาไว้ก็สามารถฉีดฟิลเลอร์คางซ้ำได้
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง
-
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์คางอย่างละเอียด ทำความเข้าใจถึง ข้อดี-ข้อเสีย ก่อนตัดสินใจทำ
- เลือกคลินิกที่จะฉีดฟิลเลอร์คาง ที่มีข้อมูลแพทย์ชัดเจน เปรียบเทียบราคาที่เหมาะสม และดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงจากคลินิกนั้นๆ จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
- ควรงดยา แอสไพริน, NSAIDs เช่น Ibruprofen Diclofenac Ponstan เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง และควรปรึกษาแพทย์ที่รักษาอยู่ก่อนที่จะหยุดยานั้นๆ
- งดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretinoin (Retin-A), Retinols, Retinoids, Glycolic Acid, หรือครีมในกลุ่ม “Anti-Aging” ทุกชนิด เป็นเวลา 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง
- งดการแว็กผิว ผลัดเซลล์ผิว การดึงขนหรือโกนขนในบริเวณนั้นๆ เป็นเวลา 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง
- หากมีคอร์สทำหน้านวดหน้าหรือเลเซอร์ต่างๆ ที่ต้องทำเป็นประจำ ควรทำมาก่อนอย่างน้อย 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง เพราะหลังทำต้องเว้นไปอีก 2 อาทิตย์
- หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่กินเป็นประจำอื่นๆ ควรเตรียมข้อมูลไว้เพื่อแจ้งกับแพทย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง
- งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชม. ก่อนทำ เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกายชนิด Cardio การดื่มแอลกอฮอล์
- สามารถแต่งหน้ามาได้ เมื่อถึงคลินิกจะมีการทำความสะอาดบริเวณจุดที่จะฉีดฟิลเลอร์คาง
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์คาง
-
- อาจจะมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคันในจุดที่ฉีด และจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 2 – 3 วัน แต่หากหลังจาก 3 วัน มีการบวมมากขึ้น ผิวหนังเปลี่ยนสีหรือมีตุ่มหนอง ให้ติดต่อกลับมาที่คลินิกเพื่อประเมินอาการและรับยา
- ทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ไม่ควรหยุดยาเอง
- อยู่ในที่มีอากาศเย็น ไม่ร้อนจนเกินไป ควรสวมหมวก กางร่ม หรืออุปกรณ์ป้องกันความร้อนสัมผัสใบหน้า
- ใน 2-3 คืนแรก ควรนอนโดยใช้หมอนหนุนศีรษะอย่างน้อย 2 ใบ เพื่อให้ศีรษะอยู่สูงกว่าระดับหน้าอก งดการนอนตะแคง แนะนำให้ใช้หมอนมากันใบหน้าทั้งด้านซ้ายและขวาเพื่อป้องกันการกดทับบริเวณที่ฉีด
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 1.5 – 2 ลิตร เพื่อช่วยกระตุ้นคอลลาเจน
- หลีกเลี่ยงการแตะ การเกา การกดนวดในจุดที่ฉีด และห้ามปรับรูปทรงฟิลเลอร์ด้วยตนเอง
- ไม่ควรประคบเย็น หากมีอาการปวดมาก ควรปรึกษาแพทย์หรือประคบเย็นตามแพทย์สั่งเท่านั้น
- งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน แต่สามารถล้างหน้า และแต่งหน้าได้ตามปกติ
- งดดื่มแอลกอฮอล์ เข้าซาวน์น่า ออกกำลังกายหนักๆ หรือกิจกรรมที่ต้องอยู่หน้าเตาร้อนเป็นเวลานานๆ เป็นเวลา 3 วันหลังทำ
- งดการนวดหน้า เลเซอร์ หรือหัตถการอื่นๆ บริเวณใบหน้าเป็นเวลา 14 วัน
- หากต้องการจะทำเลเซอร์ร้อนลงผิวชั้นลึก RF หรือ Thermage ควรเว้นอย่างน้อย 1 เดือน
สาเหตุการฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อน
-
- หากแพทย์ผู้ฉีดไม่มีความรู้ และประสบการณ์ที่เพียงพอก็ทำให้มีโอกาสฉีดฟิลเลอร์เป็นก้อนได้ เนื่องจากฉีดผิดชั้นผิว หรือผิดตำแหน่ง โดยแพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับชนิดของฟิลเลอร์ รวมถึงโครงสร้างทางสรีระวิทยาของร่างกายมนุษย์ ศิลปะและการดีไซน์รูปหน้าที่จะใช้ในการตัดสินใจการวางตำแหน่งที่จะฉีดฟิลเลอร์จะต้องถูกต้องและเหมาะสมกับคนไข้ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีสูงสุด
- ชนิดของฟิลเลอร์ที่จะใช้ฉีดต้องมีความเหมาะสมกับตำแหน่งบริเวณที่ฉีด หากฟิลเลอร์ที่มีขนาดของโมเลกุลที่มีความหนาแน่นสูงควรฉีดในผิวหนังระดับลึก เพราะถ้ามาใช้ฉีดในระดับตื้นของผิวหนัง เหนือกล้ามเนื้อ เวลาขยับ หรือแสดงสีหน้า ก็อาจจะดันให้ตัวฟิลเลอร์เป็นก้อนได้
- ถ้าปริมาณที่ใช้ฉีดมากเกินไปไม่เหมาะสม ก็สามารถทำให้ฟิลเลอร์เป็นก้อนเป็นลำได้
- อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ ถ้าบวมเล็กน้อยไม่เยอะจะประมาณ 2-3 วัน แต่ในบางคนที่เป็นคนผิวบวมง่ายก็อาจจะพบอาการบวมได้ถึง 5-7 วัน
- ฟิลเลอร์ที่ฉีดมาเป็นของปลอมไม่ใช่ HA ฟิลเลอร์ ไม่สามารถสลายตัวได้เองหรือไม่ผ่าน อย. ฟิลเลอร์ประเภทนี้ราคาถูกแต่ไม่มีประสิทธิภาพ หลังฉีดอาจจะเกาะกลุ่มเป็นก้อนไหลและห้อยย้อยไม่เป็นทรง ไม่เป็นรูปร่างเหมือนเก่า เปลี่ยนสภาพไปตามกาลเวลา
ฉีดฟิลเลอร์คางที่ไหนดี ให้ปลอดภัย? Ve’anna Clinic มีคำตอบ
ฟิลเลอร์คางเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวย วีเชฟอย่างเป็นธรรมชาติแบบชั่วคราว สำหรับคนที่สนใจ หรือเพิ่งจะฉีดเป็นครั้งแรก แนะนำให้หาข้อมูลของคลินอกโดยอาจจะเลือกจากคลินิกที่มีการบอกต่อ การรีวิวจริงจากเคสจริง หรือผลลัพธ์หลังฉีดสวยตามที่เราต้องการมากที่สุด จากนั้นควรหาข้อมูลเกี่ยวกับยี่ห้อฟิลเลอร์ หรือวิธีสังเกตุฟิลเลอร์แท้ กับฟิลเลอร์ปลอมไว้ เพื่อเป็นความรู้ติดตัวก่อนจะไปฉีด
ที่ Ve’anna Clinic เราพร้อมที่จะให้คำแนะนำ และปรึกษาปัญหาที่ต้องการจะแก้ไขก่อนที่จะฉีดฟรี โดยทางคลินิกมีเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่เน้นความเป็นธรรมชาติ โดยจะมีการวิเคราะห์โครงหน้าอย่างละเอียดก่อนฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจมากที่สุด อีกทั้งคุณหมอมีความชำนาญในการใช้จำนวน cc จึงไม่จำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์เยอะ แต่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ตามความต้องการคนไข้ ที่สำคัญคุณหมอมือเบามาก ไม่เจ็บ และไม่มีผลข้างเคียงหลังฉีด สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ รวมถึงการติดตามผลหลังทำ และแนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์คางอย่างละเอียด และสามารถขอรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงก่อนตัดสินใจได้
สนใจสอบถามข้อมูล หรือขอดูภาพรีวิวเพิ่มเติม สามารถติดต่อ Ve’anna Clinic ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Facebook, Instagram และ LINE OA หรือโทร. 064-696-9693
รีวิวการฉีดฟิลเลอร์คางที่ Ve’anna Clinic
บทความเพิ่มเติม
-
รวมเรื่องต้องรู้ก่อนเสริมคางผู้ชาย
กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง อย่างเป็นธรรมชาติ พัฒนาและเพิ่มความมั่นใจในตัวคุณ
14 มกราคม 22
-
เสริมร่องแก้ม ด้วยซิลิโคน บอกลาปัญหาร่องแก้มลึกถาวร
หมดปัญหาร่องแก้มลึกถาวร ด้วยการเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคน ไม่ต้องพักฟื้น
26 มกราคม 22
-
ไขข้อสงสัย เสริมคางแผลนอก-แผลใน แบบไหนดี?
พร้อมเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของการเสริมคางทั้ง 2 แบบ รวมถึงการดูแลหลังเสริมคาง
18 กรกฎาคม 21
Ve’anna Clinic
115/7 ซอยรัชดา 32 (เข้าซอยรัชดา 36 แยก 19-1) ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
วิธีเดินทางมาที่ Ve’anna Clinic
1. เดินทางโดยรถไฟฟ้า (BTS)2. เดินทางโดยไฟฟ้าใต้ดิน (MRT)
3. เดินทางด้วยรถส่วนตัว (มีที่จอดรถ)